วิธีดูแลสุนัขแก่
ร่างกายที่ถูกใช้งานมานานก็ย่อมจะมีการสึกหรอเสื่อมสภาพและประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลงไป โอกาสในการเกิดโรคหรือความผิดปกติต่างๆที่อาจจะถึงแก่ชิวิตก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวดังนั้นร่างกายจึงต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ หรือเพิ่มเติมจากตอนที่ยังเป็นหนุ่มสาว หรืออยู่ในวัยกลางคนในสุนัขที่อายุมากหรือแก่ชราก็มีความต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษเช่นเดียวกัน จะต่างกันตรงที่สุนัขไม่มีความสามารถที่จะดูแลตัวเอง เอาใจใส่ตัวเองดได้เหมือนกับคนเรา
สุนัขที่มีอายุขัยที่สั้นกว่าคนเรามากดังนั้นถ้าเทียบในช่วงเวลาที่เท่ากัน สุนัขจะแก่กว่าคนเรา หรือพูดง่ายๆก็คือแก่เร็วกว่าคนนั่นเอง ถ้านับอายุโดยเฉลี่ยแล้วสุนัขจะแก่เร็วกว่าคนเราประมาณ 7 เท่า สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่มีแนวโน้มที่จะแก่เร็วกว่าสุนัขพันธุ์เล็กๆ ลองดูจากตารางเปรียบเทียบอายุ ว่าสุนัขของเราเอง ตัวขนาดนี้ถ้าเทียบอายุกับคนเราแล้วตอนนี้มีอายุเท่าไรกันบ้างแล้ว
ตารางเปรียบเทียบอายุสุนัข
อายุสุนัข (ปี)
|
อายุเมื่อเปรียบเทียบกับคน |
|||
น้ำหนักตัวสุนัข |
||||
ต่ำกว่า 10 กก. |
10-20 กก. |
25-45 กก. |
มากกว่า90 กก. |
|
6 |
40 |
42 |
45 |
49 |
8 |
48 |
51 |
55 |
64 |
10 |
56 |
60 |
66 |
78 |
12 |
64 |
96 |
77 |
93 |
14 |
71 |
78 |
88 |
108 |
16 |
80 |
87 |
99 |
123 |
18 |
88 |
96 |
109 |
- |
20 |
96 |
105 |
120 |
- |
เมื่อสุนัขสูงวัยต้องดูแลอะไรบ้าง
การดูแลสุนัขที่มีอายุมากขึ้นก็เริ่มตั้งแต่เรื่องอาหารการกินกันเลยค่ะ เนื่องจากความต้องการสารอาหารแต่ละชนิดรวมทั้งพลังงานจากอาหารนั่นเอง มีความแตกต่างกันจากสุนัขในวัยอื่นๆ ถ้าให้อาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพที่ดีอยู่แล้วก็จะสะดวกหน่อยค่ะ เพราะจะมีสูตรอาหารสำหรับสุนัขที่มีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะ แต่ถ้าให้เปลี่ยนกันทั้งประเภทและปริมาณอาหาร หลักการง่ายๆก็คล้ายกับคนสูงอายุนั่นเองค่ะ คือ?เลี่ยงอาหารรสจัดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเค็มจัด มันจัด หวานจัด เลือกอาหารที่ย่อยง่าย ซึ่งจะเป็นผลดีกับระบบย่อยอาหาร และมีกากอาหารมากๆเพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายด้วย เพราะสุนัขที่อายุมากขึ้นจะมีกิจกรรมหรือใช้พลังงานลดลง ดังนั้นถ้ากินในปริมาณเท่าเดิมก็จะมีพลังงานส่วนเกิน ทำให้เกิดโรคความอ้วนตามมา การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยลดโอกาสในการเกิดโรค หรือความผิดปกติต่างๆอีกมากมายเช่นเดียวกับคนเรา
เมื่อสุนัขมีอายุประมาณ 6-7 ปี ควรนำสุนัขไปพบหมอเพื่อตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง การตรวจสุขภาพปีละ 2 ครั้ง การตรวจสุขภาพนอกจากจะตรวจร่างกายขั้นพื้นฐานแล้ว ควรจะตรวจอย่างอื่นเพิ่มด้วย ได้แก่ ตรวจเลือด?ตรวจปัสสาวะ และอุจจาระ เป็นต้น ฟังดูแล้วการไปพบหมอปีละ 2 ครั้งอาจจะเยอะนะคะ แต่ถ้าลองย้อนกลับไปดูข้อมูลในตอนเกี่ยวกับอายุขัย และความแก่ชราของสุนัขเมื่อเทียบกับคนแล้วจะเห็นว่าสุนัขแก่เร็วกว่าคนเราถึง 7 เท่า ดังนั้นการพบหมอทุก 6 เดือน ก็เทียบได้กับคนเราไปพบหมอทุก 3-4 ปี การที่เราตรวจสุขภาพเขาอย่างสม่ำเสอมนี้ จะช่วยบอกได้ว่ามีโรคหรือความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่ระยะเริ่มแรกเพื่อที่จะทำการรักษาได้อย่างทันการ
พฤติกรรมของสุนัขก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะเป็นตัวช่วยบอกเราได้ว่ามีความผิดปกติขึ้นกับสุนัข พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นอาการ หรือสัญญาณเริ่มแรกของโรค หรือความผิดปกติ อย่างเช่น หงุดหงิดมากขึ้น สุนัขบางตัวอาจจะปลีกตัวไม่เล่น ไม่สนใจใคร หลับไม่สนิท อุจจาระ หรือปัสสาวะไม่เป็นที่เป็นทางอย่างที่เคย เป็นต้นนอกจากี้พฤติกรรมบางอย่างยังช่วยบ่งชี้ถึงโรค หรือความผิดปกติบางอย่างได้อย่างเด่นชัดอีกด้วย เช่น โรคข้ออักเสบ สุนัขจะมีอาการเดินเกร็งๆเจ็บปวด ไม่ค่อยอยากจะเดิน กระโดด ลุกนั่ง ไม่ขึ้นบันได หรือ เปลี่ยนอิริยาบถด้วยความยากลำบาก โรคผิวหนังบางอย่างมักจะเกิดเมื่ออายุมากขึ้นเนื่องจากกลไกการทำงานต่างๆของร่างกายเปลี่ยนไปการกินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้นและบ่อยขึ้นกินอาหารน้อยลง ช่วยบ่งชี้ว่าอาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับไต เป็นต้น
สุขภาพในช่องปากก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ปัญหาในช่องปากเองก็มักจะมากขึ้นตามอายุ เราสามารถสังเกตความผิดปกติได้จากสุนัขมีน้ำลายไหลมากผิดปกติ มีเลือดออกในช่องปาก ปากเหม็นเหงือกมีการอักเสบย บวมแดง ซึ่งถ้าเกิดอย่างรุนแรงก็จะทำให้สุนัขพาลไม่อยากกินอาหารไปเลยก็ได้ และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือการติดเชื้อในช่องปากนั้นสามารถลุกลามไปที่หัวใจ ตับ ไต โดยผ่านไปทางกระแสเลือดได้ด้วย
อีกอย่างที่พบเห็นได้บ่อยก็ได้แก่ การมองเห็น สายตาฝ้าฟาง ขุ่นมัว การเดินชนสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ เป็นสิ่งที่เจ้าของสังเกตพบได้ ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขให้มองเห็นได้เลย ก็ควรจัดการที่อยู่อาศัยไม่ให้เกิดอันตรายกับเขา ไม่ควรเปลี่ยนแปลงหรือจัดบ้านใหม่บ่อยๆโดยไม่จำเป็น เพราะเขาจะได้เรียนรู้และจดจำโดยใช้การได้ยินและดมกลิ่นแทนการมองเห็น
การดูแลสุนัขสูงวัยคงจะไม่ยากเกินไป เราอาจจะต้องให้เวลาเขาเพิ่มขึ้นอีกสักนิด ในขณะที่สิ่งที่เราได้กลับมาคือเวลาที่เขาจะสามารถมีชีวิตอยู่กับเราได้นานขึ้น ที่สำคัญเป็นการอยู่ที่มีความสุขไม่เจ็บป่วยทรมาน แต่การที่เขาจะเป็นสุนัขสูงวัยที่มีสุขภาพดีได้ คงไม่ใช่การดูแลที่ดีในตอนที่เขามีอายุมากแล้วเท่านั้น คงต้องเริ่มตั้งแต่แรกที่เรานำเขาเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัว ซึ่งจัดเป็นพื้นฐานที่ดีในการเป็นสุนัขที่มีสุภาพดีไปจนตลอดอายุขัย
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก นิตยสารสื่อรักสัตว์เลี้ยง